บริษัทหรือแบรนด์ที่เริ่มทำการตลาดไปแล้ว แต่ยังได้ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพอใจนักหรือต้องการข้อมูลและไอเดียใหม่ๆ หากต้องการสร้างผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม
การมองหา ที่ปรึกษาการตลาด (Marketing Consultant) เพื่อขอคำแนะนำและร่วมกันวางแผน ซึ่งการใช้ที่ปรึกษาการตลาดก็ถือเป็นตัวเลือกที่อาจจะเหมาะกว่าการจ้างพนักงานใหม่เข้ามาในหลายกรณี
สำหรับบทความนี้ เราจะมาเจาะลึก ทำความรู้จักบริการที่ปรึกษาการตลาดกันให้ดีขึ้น แล้วสถานการณ์แบบไหนถึงน่าจะเลือกใช้บริการที่ปรึกษาการตลาด จ้างแล้วได้อะไร เรารวบรวมมาให้อ่านด้านล่างนี้แล้ว
ที่ปรึกษาการตลาด (Marketing Consultant) คืออะไร?
ที่ปรึกษาการตลาด (Marketing Consultant) คือ ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการทำการตลาด โดยมีหน้าที่ต่างๆ ได้แก่
- ช่วยเหลือแบรนด์หรือบริษัทในการให้คำปรึกษา
- รีเสิร์ชและวิเคราะห์ตลาด (Marketing Research)
- กำหนดเป้าหมายทางการตลาด
- วางแผนการตลาด
- ช่วยบริษัทให้เริ่มต้นทำการตลาดได้
รวมไปถึงช่วยติดตามผลเพื่อปรับปรุงแผนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยส่วนใหญ่บริษัทหรือแบรนด์ที่ต้องการที่ปรึกษาการตลาด มักจะต้องการความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านการตลาดของที่ปรึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ข้อคิดเห็นจากคนนอก” ที่มีประโยชน์ เพราะที่ปรึกษาการตลาดมักจะมีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และเป็นคนนอกที่อาจจะสามารถมองเห็นวิธีการแก้ปัญหาหรือโอกาสที่คนในอาจมองข้ามไปได้ ทำให้แบรนด์หรือบริษัทได้ไอเดียใหม่ๆ หรือวิธีการที่ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
หน้าที่ของที่ปรึกษาการตลาดโดยทั่วไปแล้ว มีอะไรบ้าง
หน้าที่หรือขอบเขตการทำงานของที่ปรึกษาการตลาดของแต่ละเจ้าหรือแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป และอาจแตกต่างกันไปตามข้อตกลงการจ้างงาน บางแบรนด์อาจต้องการจ้างที่ปรึกษาให้ช่วยแนะนำสำหรับบางแคมเปญการตลาด จ้างให้ช่วยคิดแผนการตลาดสำหรับบางช่องทางเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หน้าที่หลักๆ ของที่ปรึกษาการตลาดจะอยู่ในขอบเขตการทำงานต่างๆ ทั้ง 10 ข้อนี้
- ทำความเข้าใจแบรนด์ ผลลัพธ์การตลาด และแผนการตลาดที่ผ่านมา พร้อมกับประเมินกลยุทธ์และวิเคราะห์เพื่อหาวิธีปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดของแบรนด์ให้ดียิ่งขึ้น
- ช่วยหาลูกค้าใหม่ให้กับแบรนด์ (Customer Acquisition) ออกแบบกลยุทธ์ในการเข้าถึงลูกค้าใหม่และกลุ่มลูกค้ามุ่งหวัง (Leads)
- ปรับปรุง Sales Funnel ยกระดับการเข้าถึงลูกค้าในแต่ละช่วงการตัดสินใจ ให้สามารถดึงดูด/เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ฟูมฟักให้ลูกค้าพร้อมซื้อ ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้เร็วขึ้นไปสู่การปิดการขายได้จริง
- ให้คำแนะนำการทำการตลาดในช่องทางต่างๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้า เช่น อีเมล เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย การตลาดบนหน้าค้นหา (Search Engine Marketing) ฯลฯ
- ช่วยแนะนำการทำโฆษณาทั้งสื่อดั้งเดิมและ Digital Marketing แนะนำว่า ควรใช้งบประมาณโฆษณาอย่างไรและกับช่องทางใดบ้าง เพื่อให้แบรนด์บรรลุเป้าหมายทางการตลาด
- วางกลยุทธ์การตลาดในแต่ละช่องทาง เช่น Email Marketing, Social Media Marketing, Content Marketing ฯลฯ รวมไปถึงแผนการตลาดโดยรวมที่ผสานระหว่างช่องทางต่างๆ (Crossed Channels)
- วางกลยุทธ์แบรนด์ (Brand Strategy) วิเคราะห์และประเมิน Brand Position และออกแบบสื่อการตลาดที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายเพื่อเพิ่มการโต้ตอบระหว่างแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมาย กระตุ้นให้เกิด Action ที่แบรนด์ต้องการ เช่น การซื้อสินค้า การขอข้อมูล การจองเวลาเพื่อขอคำปรึกษา ฯลฯ
- วิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาด (Data Analysis) ช่วยวิเคราะห์ผลลัพธ์และแผนการตลาดที่ผ่านมา หาจุดที่สามารถปรับปรุงได้ และหาโอกาสในการทำการตลาดที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
- ช่วยวางระบบการทำการตลาด เช่น การวางระบบการตลาดแบบอัตโนมัติ (Marketing Automation) วางระบบบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) วางระบบการติดตามข้อมูลการตลาด (Data Tracking)
- ช่วยจัดสรรงบประมาณการตลาด (Budget Allocation) ช่วยตัดสินใจการลงงบประมาณไปกับการทำการตลาดในส่วนต่างๆ และการทำโฆษณาตามงบประมาณที่ตั้งไว้ บริหารงบให้สามารถสร้างผลลัพธ์ได้สูงที่สุด
ทำไมบริษัทถึงต้องจ้างที่ปรึกษาการตลาด?
คำตอบที่ง่ายที่สุดก็คือ สำหรับบริษัทไม่มีทรัพยากรบุคคลและเวลาเพียงพอที่จะลงมือคิด หาไอเดีย และวางกลยุทธ์ใหม่ๆ ในการทำการตลาด ซึ่งการเลือกใช้บริหารที่ปรึกษาการตลาดจะช่วยให้บริษัทหรือแบรนด์สามารถรันบริษัทไปได้ ในขณะที่มีทีมคอยวางแผนการตลาดรูปแบบใหม่ๆ ต่อไป
นอกจากนี้ ความสำคัญของการจ้างที่ปรึกษาการตลาด คือ เมื่อบริษัทกำลังเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลง อยู่ในสถานกาณร์ที่มีความผกผันสูง การมีคนนอกที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ จะช่วยให้บริษัทแก้ปัญหาที่เผชิญอยู่ ในขณะที่มีคนช่วยมองเห็นโอกาสและวิธีการใหม่ๆ ไปด้วย
ที่ปรึกษาการตลาดจะคอยช่วยบริษัทกำหนดเป้าหมายทางการตลาดที่สดใหม่ นำเสนอวิธีการใหม่ๆ ในสื่อสารกับลูกค้า หรือปรับปรุงวิธีการให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นด้วยประสบการณ์และความรู้ในสายงานที่ผ่านมา ออกมาเป็นกลยุทธ์และแผนธุรกิจหรือแผนการตลาดที่มีประสิทธิภาพ
เมื่อไหร่ที่บริษัทควรจ้างที่ปรึกษาการตลาด
สำหรับบริการที่ปรึกษาการตลาดก็มีให้เลือกทั้งที่ปรึกษาอิสระ (freelancer) และองค์กรหรือเอเจนซีที่ให้บริการที่ปรึกษาการตลาด ซึ่งขอบเขตและความสามารถในการทำงานก็แตกต่างกัน เรตราคาในการจ้างมาก-น้อยแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาดเล็ก Startup บริษัทระดับกลาง หรือแบรนด์ยักษ์ใหญ่ ก็สามารถจ้างที่ปรึกษาการตลาดได้ หากแบรนด์/บริษัทกำลังเผชิญกับสถานการณ์หรือมีความต้องการต่อไปนี้
1. แบรนด์หรือบริษัทขาดความเชี่ยวชาญ
สำหรับข้อนี้ อาจเป็นไปได้หลายกรณี ไม่ว่าจะเป็น
- บริษัทเพิ่งก่อตั้งใหม่ เป็น Startup เพิ่งเริ่มกิจการ และยังขาดประสบการณ์ในอุตสาหกรรมที่เพิ่มตั้งต้นทำ
- บริษัทที่เคยทำการตลาดด้วยตัวคนเดียว กำลังฟอร์มทีมขึ้นมา แล้วทีมยังขาดประสบการณ์ ต้องการคนช่วยให้คำแนะนำและให้ทีมได้เรียนรู้
- แบรนด์หรือบริษัทต้องการเปิดตลาดใหม่หรือแตกไลน์สินค้าที่ไม่เคยทำ
การพึ่งพาความรู้และประสบการณ์ของที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญและรู้จักตลาดดีกว่า
2. เมื่อบริษัทกำลังเผชิญกับจุดเปลี่ยนหรือวิกฤต
ในระหว่างที่บริษัทรับมือกับวิกฤต ทีมอาจจะต้องโฟกัสในการรับมือปัญหาและเรื่องมากมายที่ต้องรีบทำ ทำให้วิสัยทัศน์ในการตัดสินใจไม่เฉียบคมเท่าเดิม ในช่วงนี้ การจ้างที่ปรึกษาการตลาดเข้ามาแก้ปัญหาอาจช่วยให้บริษัทได้วิธีในการรับมือปัญหาแบบใหม่ๆ หรือมองเห็นโอกาสในช่วงวิกฤตก็เป็นได้
และยิ่งในช่วงที่เกิดจุดเปลี่ยนในการดำเนินธุรกิจขึ้น บริษัทอาจต้องปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์และเป้าหมาย (Vision & Goal) ในการทำการตลาดใหม่ทั้งหมด ที่ปรึกษาการตลาดสามารถช่วยให้คำแนะนำด้วยสายตาสดใหม่ได้
3. ธุรกิจและตัวเลขทางการตลาดไม่เติบโต
เมื่อดำเนินธุรกิจมาถึงจุดหนึ่ง บริษัทหรือแบรนด์อาจรู้สึกว่าถึงทางตัน หรือการทำการตลาดแบบเดิมๆ เริ่มไม่ได้ผลและขาดไอเดียในการทดลองทำการตลาดรูปแบบใหม่ บริษัทอาจใช้บริการที่ปรึกษาการตลาดเพื่อปรึกษาไอเดียและวิธีการใหม่จากที่ปรึกษา
เพราะที่ปรึกษาการตลาดมักจะมีความรู้ความเข้าใจตลาด มีประสบการณ์ในการช่วยเหลือธุรกิจมาแล้วหลากหลายธุรกิจ ช่วยให้บริษัทประหยัดเวลาในการทดลองไอเดีย
4. ROI ได้ไม่ถึงเป้าหรือไม่สอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้
หากธุรกิจทำ ROI (Return on Investment) ได้ไม่ตามเป้าหรือที่คาดการณ์ไว้จากแผน รู้สึกว่าใช้งบประมาณการตลาดไปอย่างสิ้นเปลือง อาจเป็นสัญญาณ “ธงแดง” ว่าน่าจะเกิดปัญหาบางอย่าง
ที่ปรึกษาการตลาดที่มีประสบการณ์อาจช่วยวิเคราะห์สาเหตุว่าเกิดปัญหาที่ตรงไหน พร้อมกับช่วยตัดสินใจในการจัดสรรงบประมาณการตลาดใหม่ เกลี่ยงบประมาณไปใช้กับช่องทางที่มีโอกาสสร้างผลลัพธ์มากกว่า หรือเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดเป็นกลยุทธ์ที่ใช้งบน้อยลง แต่ได้ผลมากขึ้น
5. บริษัทหรือแบรนด์ขาดข้อมูล/ไม่ได้ติดตามข้อมูล
ในยุคนี้ การมีข้อมูลและสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้สามารถสร้างความได้เปรียบให้กับบริษัทและแบรนด์ได้อย่างมหาศาล ในทางกลับกันการที่บริษัทไม่มีข้อมูล เช่น ไม่มีข้อมูลลูกค้าที่เพียงพอ ไม่รู้จักลูกค้า ไม่มีข้อมูลการใช้งบประมาณ วัดผลลัพธ์ไม่ได้ ฯลฯ จึงไม่รู้ว่า สิ่งใดทำแล้วได้ผล-ไม่ได้ผล
ที่ปรึกษาการตลาดเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ต้องวัดผลลัพธ์เพื่อรายงานอยู่เสมอ บริษัทที่ขาดระบบการติดตามข้อมูล อาจจ้างที่ปรึกษาการตลาดให้ช่วยวางระบบได้
ข้อดีของการจ้างที่ปรึกษาการตลาด
ตอนนี้คุณคงจะพอเห็นภาพแล้วว่า บริษัทของคุณน่าจะจ้างหรือไม่จ้างที่ปรึกษาการตลาดมาช่วยงานของคุณ แต่นอกจากเหตุผลเหล่านั้น เราอยากแนะนำอีก 3 ข้อดี ที่โดดเด่นของการใช้บริการที่ปรึกษาการตลาด
1. ที่ปรึกษาการตลาดที่ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์
ที่ปรึกษาการตลาดเป็นคนที่ทำงานด้านการตลาดโดยเฉพาะและผ่านประสบการณ์การให้คำปรึกษา และช่วยเหลือธุรกิจต่างๆ ในการทำการตลาด จึงมีความรู้ความเชี่ยวชาญและมีข้อมูลเชิงลึก (Insight) ที่สั่งสมจากการทำงานร่วมกับธุรกิจที่หลากหลายและจากการที่รู้จักตลาดเป็นอย่างดี
ที่ปรึกษามืออาชีพจะสามารถให้คำแนะนำและข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์กับการทำการตลาด ช่วยหาวิธีการเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ สามารถมองเห็นปัญหาและสิ่งที่สามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้เร็วกว่า นอกจากนี้ ยังช่วยบริษัทตัดสินใจอะไรได้เร็วและมีน้ำหนักมากขึ้นด้วย
2. ช่วยบริษัทประหยัดเวลาและงบประมาณ
การทำการตลาดใช้งบประมาณค่อนข้างมากและอาจกินสัดส่วนงบประมาณต่างๆ ถึง 1 ใน 3 หากบริษัทไม่แน่ใจวิธีการทำการตลาดที่กำลังจะใช้ ว่างบประมาณเท่านี้ด้วยระยะเวลาเท่านี้ จะคุ้มค่าหรือไม่
ที่ปรึกษาการตลาดที่มีประสบการณ์มาก่อนจะช่วยชี้แนะได้ว่า วิธีการไหนน่าจะได้ผล-ไม่ได้ผล และช่วยให้บริษัทหรือแบรนด์ไม่ต้องเสียเวลาและงบประมาณในการทดลองวิธีการทำการตลาด
3. ที่ปรึกษาการตลาดมีเครือข่ายที่สามารถแนะนำได้
อีกข้อดีที่โดดเด่นที่สุดของการใช้บริการที่ปรึกษาการตลาด คือ การที่ที่ปรึกษารู้จักเครือข่ายธุรกิจต่างๆ หรือเรียกง่ายๆ ว่า “มีคอนเนกชันเยอะ” ทำให้บริษัทที่ใช้บริการ มีโอกาสได้รู้จักธุรกิจและพาร์ตเนอร์ใหม่ๆ รวมไปถึงสามารถขอให้ที่ปรึกษาแนะนำบริษัทให้กับพาร์ตเนอร์ใหม่ๆ หรือผู้ร่วมงานที่บริษัทกำลังตามหา เช่น SEO Specialist, Content Manager, Account Manager ฯลฯ
แนะนำบริการที่ปรึกษาการตลาด (Marketing Consulting Service)
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว บริษัทจะตามหาที่ปรึกษาการตลาดมืออาชีพที่เหมาะกับบริษัทอย่างไร?
วิธีการที่ดีที่สุดที่ทำได้ คุณอาจจะเริ่มรีเสิร์ชหาที่ปรึกษาการตลาดว่ามีใครบ้าง จากนั้นแนะนำให้ค่อยๆ ทำความรู้จัก ดูผลงานของเขา และเมื่อสนใจ แนะนำให้สอบถามถึงประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา พร้อมกับสอบถามสาขาที่เชี่ยวชาญ
เพราะที่ปรึกษาแต่ละเจ้าก็จะมีความเชี่ยวชาญในศาสตร์และตลาดที่ต่างกันออกไป เมื่อได้ที่ปรึกษาที่สนใจแล้ว อาจนัดพูดคุยเพื่อสอบถามรายละเอียดต่างๆ เช่น
- แจ้งปัญหาหรือสิ่งที่อยากให้ช่วยแนะนำ เพื่อขอทราบไอเดียหรือโซลูชันคร่าวๆ
- ขอให้ช่วยประเมินเวลาและคาดการณ์ผลลัพธ์ที่น่าจะทำได้
- พูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ที่เป็นกรณีจริง เพื่อให้แน่ใจว่า มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ
สำหรับ 1stCraft เราเป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ด้านการจัดการข้อมูลและให้บริการ Digital Crafter ให้คำปรึกษาด้านการตลาดและช่วยบริษัทวางกลยุทธ์การตลาดแบบ “Result-driven strategy” ด้วยประสบการณ์ทำการตลาดให้กับบริษัทต่างๆ พร้อมความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี
หากบริษัทของคุณต้องการที่ปรึกษาการตลาดที่มีความเชี่ยวชาญ สามารถวางกลยุทธ์การตลาดที่เน้นสร้างผลลัพธ์และใช้ข้อมูลอย่างชาญฉลาด สามารถติดต่อเราเพื่อสอบถามและพูดคุยถึงโซลูชันเพิ่มเติมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ที่นี่ครับ