Cover บทความ Keyword Research คืออะไร

การทำ Keyword Research คืออะไร? พร้อมเผยเทคนิคการทำ [ฉบับเข้าใจง่าย]

mins read   1stCraft Team

ก่อนที่จะลงมือทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ธุรกิจ การทำ Keyword Research ถือว่าเป็นเรื่องพื้นฐานที่ต้องรู้ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถไต่อันดับขึ้นสู่หน้าค้นหาบน Google ได้

สำหรับเจ้าของเว็บไซต์ที่กำลังมองหาเทคนิคการทำ SEO และยังไม่รู้ว่าจะใช้ Keyword คำไหนดีมาทำคอนเทนต์ลงบนเว็บไซต์ 

บทความนี้ มาทำความรู้จักกับการทำ Keyword Research ที่จะช่วยให้คุณดึงคำค้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจมาใช้ประโยชน์บนเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดกันเลย

Keyword Research คืออะไร? สำคัญอย่างไรกับการทำ SEO

ก่อนที่เราจะลงรายละเอียดไปถึงตัว Keyword Research ถ้าหากว่าคุณคือมือใหม่ที่ยังไม่รู้จัก Keyword บนเว็บไซต์มาก่อน มาทำความรู้จักกับคำๆ นี้ เพื่อให้สามารถเข้าใจเนื้อหาของบทความนี้ได้ดีมากยิ่งขึ้น

Keyword Research คืออะไร? สำคัญอย่างไรกับการทำ SEO

Keyword คืออะไร? เอามาใช้งานได้ยังไง?

Keyword คีย์เวิร์ด ถ้าหากแปลตรงตัว คำนี้จะหมายถึง “คำ” หรือ “วลี” ที่ช่วยกำหนดว่าเนื้อหาในบทความหรือคอนเทนต์นั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร ซึ่งเมื่อคำนี้มาอยู่ในการทำ SEO จะหมายถึง คำค้นที่คนจะพิมพ์ลงบนหน้าค้นหา เมื่อมีความอยากรู้ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งและต้องการหาคำตอบ

ยกตัวอย่างง่ายๆ เมื่อคนอยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับรองเท้ากีฬา พวกเขาอาจจะพิมพ์ Keyword หรือคำค้น เช่น “รองเท้าวิ่ง” “รองเท้าวิ่งรุ่นใหม่” “รองเท้าออกกำลังกาย” 

ซึ่งถ้าธุรกิจของคุณสามารถดึงเอา Keyword ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการมาใช้ในการสร้างเนื้อหา หรือบทความเพื่อตอบคำถามที่คนอยากรู้ได้ โอกาสที่คนจะค้นเจอเว็บไซต์ของคุณจาก Keyword เหล่านั้นก็จะมีมากขึ้น

Keyword Research คืออะไร?

เมื่อได้รู้จักหน้าที่ของ Keyword กันไปแล้ว การทำ Keyword Research ก็คือ การตามหาคำค้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณให้เจอ เพื่อจะนำมาใช้ในการวางแผนสร้างบทความ หรือเนื้อหาลงบนเว็บไซต์ ให้ตรงกับ Search Intent หรือสิ่งที่คนอยากรู้

Search Intent หลักๆ ที่คนอยากรู้

เมื่อคนหรือกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจอยากรู้เรื่องหรือกำลังมีข้อสงสัยในอะไรบางอย่าง ถ้าพวกเขาเลือกใช้ Google ในการค้นหาคำตอบ จะมี Search Intent หรือสิ่งที่คนอยากรู้และหาคำตอบ อยู่ 4 เรื่องหลักๆ ได้แก่

Search Intent หลักๆ ที่คนอยากรู้
ภาพประเภทของ Search Intent  ขอบคุณรูปภาพจาก searchenginejournal
  • ข้อมูลทั่วไป (Informational) – ที่พวกเขาต้องการหาคำตอบ หรืออยากได้ความรู้อะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ 
  • ทำความรู้จักกับธุรกิจ (Navigational) – เมื่อมีคนได้เห็น ได้ยิน หรือได้รับรู้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของธุรกิจคุณ อาจมีคนที่อยากทำความรู้จักกับธุรกิจมากขึ้น จึงมาค้นหาบน Google เพื่อเข้ามาดูข้อมูลของสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์ธุรกิจ
  • เปรียบเทียบก่อนตัดสินใจ (Transactional) – เป็นขั้นตอนก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ โดยพวกเขาอยู่ในช่วงระหว่างเปรียบเทียบสินค้าหรือบริการของคุณอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบกันแบรนด์อื่น เปรียบเทียบราคา ดูความคุ้มค่า ไปจนถึงการบริการหลังการขาย
  • พร้อมซื้อ (Commercial) – โดยหลังจากที่ตัดสินใจได้แล้ว ว่าจะเลือกซื้อสินค้าหรือบริการของธุรกิจคุณ พวกเขาอาจกลับมาที่เว็บไซต์อีก เพื่อดูข้อมูลต่างๆ ในการซื้อ เช่น สถานที่วางขายสินค้า โปรโมชั่น ช่องทางการซื้อออนไลน์

ความสำคัญของการทำ Keyword Research

  • รู้ข้อมูลเชิงลึกก่อนลงมือทำ จะช่วยทำให้เข้าใจว่ากลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ กำลังมองหาข้อมูลเกี่ยวกับอะไรอยู่บน Google จะได้ทำคอนเทนต์ที่ตอบคำถามได้ตรงจุดกับกลุ่มเป้าหมาย 
  • ช่วยเพิ่ม Organic Traffic ที่เป็นการเข้าถึงเว็บไซต์ของผู้ใช้งาน โดยที่ไม่ต้องใช้การโฆษณาหรือการทำ SEM เลย เนื่องจากคุณสามารถเลือกเอา Keyword มาวางแผนในการทำคอนเทนต์หรือเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงบนเว็บไซต์ ทำให้ Google ดึงเอาหน้าคอนเทนต์นั้นขึ้นแสดงเป็นอันดับแรกๆ บนหน้าค้นหา จนสามารถดึง Organic Traffic เข้าสู่เว็บไซต์ได้มากยิ่งขึ้น
  • มีโอกาสเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้ตลอด เมื่อกลุ่มเป้าหมายพบกับบทความหรือเนื้อหาที่สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาอยากรู้ และมีความเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือธุรกิจของคุณ จะทำให้พวกเขาเห็นว่าธุรกิจของคุณมีความรู้ในด้านนั้นจริงๆ และเพิ่มโอกาสให้สามารถขายสินค้าได้มากยิ่งขึ้น

เทคนิคการทำ Keyword Research ฉบับเข้าใจง่าย

1. ธุรกิจสามารถนำเสนอข้อมูลแบบไหนได้บ้าง

ก่อนที่จะไปถึงการคัดเลือก Keyword มาใช้ในการทำคอนเทนต์ลงบนเว็บไซต์ ให้กลับมาดูที่เว็บไซต์ของธุรกิจก่อน ว่ามีทรัพยากรในด้านเนื้อหาหรือข้อมูลแบบไหนบ้าง ที่สามารถนำมาแชร์หรือให้ความรู้กับกลุ่มเป้าหมายได้ โดยต้องเป็นข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของคุณ ที่สามารถให้ประโยชน์แก่ผู้อ่านได้มากที่สุด

ซึ่งการเตรียมข้อมูลเหล่านี้เอาไว้ จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการสร้างหัวข้อของเนื้อหาหรือบทความลงบนเว็บไซต์ รวมถึงมีไอเดียที่สามารถต่อยอดในการทำคอนเทนต์อื่นๆ ต่อได้อีก

2. กลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ กำลังค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอะไร?

เมื่อรู้แล้วว่าข้อมูลหรือเนื้อแบบไหนที่อยากจะนำมาเล่าแล้ว ต่อไปต้องมาหาดูว่าคนกลุ่มไหนที่จะมีโอกาสเข้ามาอ่านเนื้อหาจากบนเว็บไซต์ของธุรกิจ เพื่อที่คุณจะสามารถดึงให้คนเหล่านี้กลายมาเป็นลูกค้าได้ด้วยคอนเทนต์ ด้วยการทำ Customer Persona หรือการสร้างคาแรกเตอร์ที่สามารถตอบได้ว่ากลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสารออกไปเป็นคนแบบไหน 

ตัวอย่างการทำ Customer Persona เช่น ธุรกิจสินค้าเครื่องออกกำลังกาย คุณอาจวางคาแรกเตอร์ ว่าเป็นชายหนุ่มวัยทำงาน อายุ 28 ปี สถานะโสด มีรายได้ 3 หมื่นบาทต่อเดือน อาศัยอยู่ที่บ้านกับครอบครัวในจังหวัดเชียงใหม่ / กำลังมองหาวิธีการลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกาย แต่มีเวลาน้อย

จากตัวอย่างจะทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า คอนเทนต์ที่เว็บไซต์จะสื่อสารออกไป ต้องใช้คำพูดประมาณไหนที่จะสามารถสื่อสารไปยังกลุ่มคนที่มี Persona คล้ายกับตัวอย่าง ซึ่งจะช่วยให้รู้ว่าคำค้นหรือ Search Intent ที่กลุ่มเป้าหมายจะใช้ค้นหาบน Google จะใช้คำว่าอะไร เพื่อให้คุณวางแผนการสร้างเนื้อหาไปยังคนกลุ่มนี้ได้ตรงโจทย์มากที่สุด

3. วิเคราะห์ดูว่าคู่แข่งกำลังทำอะไรอยู่

การที่ได้รู้ว่าคู่แข่งธุรกิจของคุณกำลังทำอะไรอยู่บนเว็บไซต์ จะมีส่วนช่วยให้คุณสามารถนำไปวางแผนต่อได้ว่าเว็บไซต์ธุรกิจควรจะไปในทิศทางไหน และมีอะไรบ้างที่ควรหลีกเลี่ยง 

ซึ่งถ้าในตอนนี้คุณยังไม่รู้ว่าคู่แข่งของธุรกิจคุณเป็นใคร ให้เริ่มจากการค้นหาด้วย Keyword ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการธุรกิจ บน Google หน้าค้นหาจะแสดงขึ้นมาว่ามีเว็บไซต์ไหนบ้างที่ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับคำค้นที่หาไป จากนั้นให้คุณใช้เวลาในการคัดแยกดูว่าแท้จริงแล้วเว็บไซต์ไหนบ้างที่จะเป็นคู่แข่งของธุรกิจจริงๆ 

เมื่อคัดเลือกออกมาได้แล้ว ให้วิเคราะห์ดูว่า

  • เว็บไซต์คู่แข่งทำคอนเทนต์ประเภทไหนลงบนเว็บไซต์บ้าง
  • มีการใช้หัวข้อทำบทความแบบไหนบ้าง
  • Keyword ที่อยู่ในบทความนั้นเป็นคำว่าอะไร 
  • บทความหรือหน้าเว็บเพจไหนที่ติดอันดับการค้นหาได้ดี

เมื่อได้รู้จักและวิเคราะห์คู่แข่งไปแล้ว จะทำให้คุณสามารถวางแผนทำคอนเทนต์ที่มี Keyword เดียวกันหรือใกล้เคียงกันมาแย่งพื้นที่บนหน้าค้นหา เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณทำอันดับที่ดีกว่า

4. ใช้เครื่องมือช่วยค้นหา Keyword (Keyword Research Tool)

หลังจากที่ได้รู้แล้วว่าเว็บไซต์ของคู่แข่งนำเอา Keyword ไหนมาใช้แล้วบ้าง ต่อไปจะถึงตาของธุรกิจคุณบ้างที่จะตามหา Keyword ที่เหมาะจะนำมาใช้ในการสร้างคอนเทนต์หรือเนื้อต่างๆ บนเว็บไซต์ รวมถึงหาคำค้นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ที่จะใช้เป็นไอเดียในการสร้างคอนเทนต์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้

สำหรับเครื่องมือช่วยค้นหา Keyword (Keyword Research Tool) จะมีหลายเว็บไซต์ที่เปิดให้บริการใช้งาน เช่น 

โดยเครื่องมือเหล่านี้ จะช่วยในการดึงคำค้นหรือ Keyword ที่เกี่ยวข้อง เพียงใส่คำหรือวลีที่เกี่ยวกับธุรกิจลงไป เครื่องก็จะดึงข้อมูลต่างๆ ขึ้นมาแสดง ว่า Keyword ที่ได้กรอกลงไปนั้นมีจำนวนการค้นหาเท่าไหร่บ้าง ช่วงไหนคนหาเยอะ พร้อมคำอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกันให้ดึงไปใช้สร้างคอนเทนต์ต่อได้อีก

5. เทคนิคการคัดเลือก Keyword มาใช้งาน

เมื่อได้ลิสต์ของ Keyword ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจมาแล้ว คุณจะเห็นว่าตัวคำค้นที่ได้มานี้จะมีจำนวนมาก ซึ่งจะต้องทำการคัดเลือก Keyword ที่เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุดออกมาก่อน 

ค่าที่ใช้ดูเพื่อคัดเลือก Keyword มาใช้งาน

  • Search Volume ค่านี้คือจำนวนการค้นหาของ Keyword คำนั้น โดยยิ่งมีค่ามาก ก็ยิ่งมีโอกาสที่คนจะค้นเจอเว็บไซต์ของคุณจากคำค้นนี้มากขึ้น แต่การดูจำนวนมากหรือน้อย ก็ต้องขึ้นอยู่กับความเฉพาะเจาะจงของคำค้นและธุรกิจด้วย เพราะถ้าเปรียบเทียบแล้วคำค้นที่เกี่ยวกับ “รองเท้าออกกำลังกาย” ก็จะมีจำนวน Search Volume มากกว่าคำว่า “เครื่องพิมพ์โรงงาน” อยู่แล้ว จึงต้องเลือกหาค่าที่เหมาะสมที่สุด ตามความเฉพาะของธุรกิจ
  • Click Through Rate (CTR) ค่านี้จะบอกจำนวนที่ Keyword คำนั้นๆ ได้รับการคลิกเข้าไปดูเนื้อหาจากหน้าค้นหาของ Google ซึ่งในปัจจุบัน ค่านี้มีการลดลงอยู่เรื่อยๆ เนื่องจากการแสดงข้อมูลของ Feature Snippet ของ Google ที่ดึงเอาส่วนสำคัญของบทความขึ้นมาแสดงเลยบนหน้าค้นหา ทำให้คนได้คำตอบและไม่คลิกเข้าไปต่อ 

    แต่ค่านี้ก็ยังถือว่ามีความสำคัญต่อการทำ Keyword Research อยู่ เพราะถึงจำนวน CTR จะมีน้อยลง แต่การหยิบบางคำค้นมาใช้ก็ยังทำให้เว็บไซต์มีโอกาสถูกคลิกเข้ามาชมได้
  • Keyword Difficulty (KD) ค่านี้คือค่าที่บอกว่า Keyword คำนั้นๆ มีความยาก-ง่ายต่อการแข่งขันในการจัดอันดับมากแค่ไหน ซึ่งถ้ามีตัวเลขเยอะก็หมายถึงมีความยาก ถ้าตัวเลขน้อยก็หมายถึงมีความง่ายกว่าในการแข่งขัน

    ตัวเลขเหล่านี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจว่าจะคัดเอา Keyword คำนั้นมาใช้ต่อหรือไม่ หรือควรต้องวางแผนเลือกคำที่ใกล้เคียงกัน หรือ Keyword แบบ Long-Tail มาใช้แทน (Keyword ที่ยาวขึ้น) ที่อาจมีคู่แข่งที่น้อยกว่า

6. การสอดแทรก Keyword รองลงไปในบทความ

หลังจากที่ได้คัดเลือกมาแล้วว่า Keyword คำไหนที่เหมาะจะนำมาทำคอนเทนต์บนเว็บไซต์ได้ ก่อนที่จะเริ่มเขียนบทความหรือสร้างเนื้อหาลงไป ลองมาวางแผนการใส่ Keyword รองลงไป เพื่อเพิ่มโอกาสการถูกค้นหาได้มากยิ่งขึ้น

จากปกติแล้ว เวลาเราสร้างคอนเทนต์ลงบนเว็บไซต์ หลายคนอาจจะเลือกเขียนเนื้อหาที่ใช้ Keyword หลักเพียงคำเดียวมาเขียน ซึ่งจะต้องรอให้มีการค้นหาด้วย Keyword คำนั้นก่อน หน้าเว็บไซต์จึงจะถูกนำมาแสดงผลบนหน้าค้นหาของ Google

แต่ถ้าเรามาลองใช้เทคนิคการเพิ่ม Keyword รองลงไปในบทความด้วย โอกาสที่คอนเทนต์หรือบทความนั้นจะถูกแสดงผล ก็จะมีมากยิ่งขึ้น 

เช่น คุณต้องการเขียนบทความที่เกี่ยวกับ “รองเท้าวิ่ง” ลองเพิ่มคำว่า “รองเท้าออกกำลังกาย” เข้าไปในบทความด้วย จะช่วยเพิ่มโอกาสให้บทความนี้ถูกค้นเจอได้ทั้งจากการค้นหาคำว่า “รองเท้าวิ่ง” และ “รองเท้าออกกำลังกาย”

ให้ 1stCraft ช่วยทำ Keyword Research ให้กับเว็บไซต์ของคุณ

สำหรับมือใหม่ที่มีเว็บไซต์แล้ว หรืออยู่ในระหว่างการทำเว็บไซต์ เพื่อให้เป็นหนึ่งในช่องทางการตลาดให้กับธุรกิจ แต่ยังไม่ชำนาญในการค้นหา Keyword หรือยังวางแผนใช้งานคำค้นบนเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

ที่ 1stCraft เรามีบริการ SEO Marketing โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์บนเว็บไซต์ ที่สามารถทำ Keyword Research และดึงคำค้นมาใช้ในการสร้างเนื้อหาบนเว็บไซต์ ที่เหมาะสมกับเว็บไซต์ธุรกิจของคุณ พร้อมทะยานขึ้นสู่หน้าแรกของการค้นได้อย่างยั่งยืน

หากคุณต้องการปรึกษา สามารถติดต่อเราเพื่อสอบถามและพูดคุยถึงโซลูชันเพิ่มเติมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ที่นี่ครับ