1stcraft-cover-Inbound vs Outbound

Inbound vs Outbound Marketing ต่างกันอย่างไร? เหมาะกับธุรกิจประเภทใด?

mins read   1stCraft Team

Inbound vs Outbound Marketing ต่างก็เป็นกลยุทธ์การตลาดที่สำคัญในยุคนี้ โดยถ้าคุณได้ทำความเข้าใจถึงความหมาย ความแตกต่างและการใช้งานของการตลาดทั้ง 2 แบบนี้ จะช่วยให้สามารถเลือกกลยุทธ์การตลาดที่มีประโยชน์ไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจได้

สำหรับธุรกิจที่กำลังมองหากลยุทธ์ในการทำการตลาด มาดูกันว่า Inbound vs Outbound Marketing ต่างกันอย่างไร? จะเลือกใช้แบบไหนดีให้เหมาะกับธุรกิจ และธุรกิจแบบไหนบ้างที่เหมาะจะนำกลยุทธ์เหล่านี้ไปใช้งาน

Inbound และ Outbound Marketing คืออะไร? ต่างกันอย่างไรบ้าง?

Inbound Marketing (การตลาดแบบดึงดูด) คือ รูปแบบการตลาดที่ไม่ล่วงล้ำต่อกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้า แต่จะเน้นไปที่การช่วยแก้ไขปัญหาหรือช่วยในการตัดสินใจ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจให้กับกลุ่มเป้าหมาย ผ่านการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่าลงบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ  เช่น บทความ, วิดิโอ, พอดแคสต์, social media เป็นต้น

การทำ Inbound Marketing จะให้ความสำคัญกับการสื่อสาร ผ่านการทำคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ และมีเนื้อหาที่ตอบความสงสัยของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด โดยเมื่อกลุ่มเป้าหมายเสิร์ชคำค้นหาด้วย Keywords ที่เกี่ยวข้องกับคอนเทนต์หรือเนื้อหานั้นๆ บน Google, YouTube หรือ Social Media ก็จะสามารถดึงให้เข้ามาอ่านหรือดูเนื้อหาบนช่องทางออนไลน์ของธุรกิจได้

ภาพตัวอย่างการทำ Inbound Marketing บนเว็บไซต์ด้วยการทำ SEO
ภาพตัวอย่างการทำ Inbound Marketing บนเว็บไซต์ด้วยการทำ SEO

เช่น ธุรกิจของคุณมีสินค้าเกี่ยวกับเครื่องกรองน้ำ ก็สามารถเขียนบทความที่เกี่ยวข้องกับ “การเลือกใช้เครื่องกรองน้ำที่เหมาะสม” ลงบนเว็บไซต์ และหากบทความนี้มีการทำ SEO ร่วมด้วยก็จะช่วยให้ติดหน้าแรกของการค้นหาได้ง่ายยิ่งขึ้น

ซึ่งถ้ากลุ่มเป้าหมายเจอกับคอนเทนต์ของธุรกิจก่อน ก็จะช่วยให้เห็นว่าธุรกิจของคุณมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้จริงๆ ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าหรือบริการของคุณนั่นเอง

Outbound Marketing (การตลาดแบบผลัก) คือ รูปแบบการตลาดแบบดั้งเดิม ที่ใช้การซื้อพื้นที่โฆษณาในช่องทางต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มคนได้มากที่สุด เช่น Social Media Ads, Native Ads, สื่อสิ่งพิมพ์, สื่อนอกบ้าน (Out-of-Home) เป็นต้น

การทำ Outbound Marketing จะให้ความสำคัญไปกับการสื่อสารไปยังผู้คนกลุ่มใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายหรือไม่ โดยมีแนวคิดหลักคือ ยิ่งสื่อสารไปยังกลุ่มคนจำนวนมากเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากยอดขายที่มากตามมาด้วย

ภาพตัวอย่างของแคมเปญ Outbound Marketing ด้วยการจัดแสดงสินค้าในพื้นที่กลางเมือง
ขอบคุณรูปภาพจาก strategyonline.ca

เช่น ธุรกิจขายเฟอร์นิเจอร์ ต้องการขายโซฟารุ่นใหม่ ก็ใช้การซื้อพื้นที่โฆษณาบนสื่อนอกบ้านหลายๆ สถานที่ทั้ง ป้ายบิลบอร์ด การจัดแสดงสินค้า สื่อดิจิทัลในศูนย์การค้า ป้ายโฆษณาบนสถานีรถไฟฟ้า เพื่อให้การโฆษณาขายสินค้า ได้ผ่านตากลุ่มคนมากที่สุด

ซึ่งถ้าเลือกโฆษณาได้ถูกจังหวะเวลา ในพื้นที่ที่มีกลุ่มเป้าหมายจำนวนมาก ก็จะช่วยสร้างการรับรู้ในสินค้าที่รวดเร็ว และนำไปสู่ยอดขายจำนวนมาก

Inbound vs Outbound Marketing ต่างกันอย่างไร?

ความแตกต่างระหว่าง Inbound vs Outbound Marketing

จะเลือกใช้แบบไหนดี? ระหว่าง Inbound vs Outbound Marketing

สำหรับธุรกิจที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเลือกใช้การตลาดแบบไหนดีระหว่าง Inbound หรือ Outbound Marketing ก็ต้องบอกว่าทั้ง 2 อย่างล้วนมีข้อดีและจุดเด่นในการใช้งานที่แตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันนั่นคือ การเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจของคุณได้เป็นที่รู้จัก และช่วยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจได้มากขึ้น

สำหรับธุรกิจที่ต้องการประสบความสำเร็จในการตลาดทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การเลือกใช้งานเทคนิคทั้ง Inbound และ Outbound Marketing ร่วมกันในการทำการตลาด จะทำให้ธุรกิจของคุณมีโอกาสเติบโตและประสบความสำเร็จได้ หากเลือกใช้งานเทคนิคที่เหมาะสมกับช่วงเวลา กลุ่มเป้าหมาย ช่องทาง และงบประมาณ

การผสมเทคนิคของการทำ Inbound และ Outbound Marketing

1. เลือกคอนเทนต์ไปโปรโมทในเว็บไซต์อื่น 

โดยการเลือกเอาคอนเทนต์ที่อยู่ในเว็บไซต์ เช่น บทความ วิดิโอ eBook ไปโปรโมทในเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงและมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจ ด้วยการซื้อพื้นที่โฆษณาในส่วนท้ายบทความ ใน section ของบทความที่เกี่ยวข้อง จะช่วยดึง traffic เข้าสู่เว็บไซต์ของคุณได้ดียิ่งขึ้น

2. การใช้งาน pay-per-click (PPC) เพื่อโฆษณาแคมเปญของ Inbound 

สำหรับแคมเปญของการทำ Inbound ด้วยการสร้าง Landing Page เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายคลิกเข้ามามีปฏิสัมพันธ์บนหน้าเว็บ โดยอาจจะเป็นการเข้ามากรอกข้อมูล จองสินค้า การรับข้อเสนอสุดพิเศษ สามารถใช้งาน pay-per-click (PPC) เพื่อให้แคมเปญนี้ส่งถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น ซึ่ง PPC มีให้เลือกอยู่ 2 แบบ คือ บน Google Ads ให้บทความสามารถแสดงขึ้นหน้าแรกของการค้นหาได้ทันที และการยิงโฆษณาบน Social Media อย่าง Facebook, IG, TikTok, YouTube และอื่นๆ

3. การใช้งานการตลาดด้วยอีเมลอัตโนมัติ (Email Marketing Automation) 

การตลาดด้วยอีเมลอัตโนมัติ คือ การสร้างแคมเปญการส่งอีเมล ให้ทำการส่งแบบอัตโนมัติตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ เช่น วางแผนระบบเอาไว้ว่าจะส่งอีเมลให้ใครบ้าง ส่งเนื้อหาแบบไหน คนที่เปิดอีเมลแล้วจะต้องทำอะไรต่อ หรือคนที่ยังไม่ได้เปิดอีเมลจะต้องได้รับอีเมลแบบไหนต่อ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการตลาดที่ตั้งเอาไว้

4. นำระบบ CRM (Customer Relationship Management) มาใช้งาน 

การนำครื่องมือการตลาดแบบอัตโนมัติหรือ Marketing Automation มาใช้จัดการการตลาด จะช่วยให้คุณสามารถจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) ได้ดียิ่งขึ้น โดยระบบจะนำเอาข้อมูลของลูกค้าและข้อมูลเชิงลึกของลูกค้ากับสินค้าของธุรกิจ มารวมรวบและวิเคราะห์ ช่วยให้สามารถปรับแต่งและปรับปรุงประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของธุรกิจ ทั้งแบบรายบุคคล รายกลุ่ม ได้อย่างง่ายดาย 

นอกจากระบบ CRM จะช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจกับลูกค้าเก่า มีความเหนียวแน่นแล้ว ระบบนี้ยังนำมาพัฒนากับการทำแคมเปญทั้ง Inbound และ Outbound Marketing เพื่อให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ได้อีกด้วย

Inbound vs Outbound Marketing เหมาะกับธุรกิจประเภทใดบ้าง?

การตลาดทั้งแบบดึงดูด (Inbound) และแบบผลัก (Outbound) เหมาะกับทุกธุรกิจที่อยากประสบความสำเร็จในเป้าหมายการตลาด ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ตั้งแต่การสร้างการรับรู้ให้กับธุรกิจ การขายสินค้าหรือบริการ ไปจนถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีทั้งกับลูกค้าเก่าและใหม่

โดยการเลือกใช้งานร่วมกันทั้ง Inbound และ Outbound Marketing ก็จะช่วยส่งเสริมให้แคมเปญการตลาดที่ธุรกิจต้องการสื่อสาร สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงใจ ตรงเวลา และตรงความต้องการ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ทางการตลาดที่ดีมากที่สุด

สรุปการทำ Inbound vs Outbound Marketing และการเลือกให้เหมาะกับธุรกิจ

Inbound Marketing คือ การตลาดแบบดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่ดีที่สุดให้เข้ามาหาธุรกิจ ผ่านการสื่อสารบนเว็บไซต์ด้วยเนื้อหาที่เกี่ยวกับ การให้ข้อมูล การตอบปัญหา การให้ความรู้ และการแนะนำวิธีการต่างๆ

Outbound Marketing คือ การตลาดแบบผลักการสื่อสารออกไปสู่กลุ่มคนจำนวนมาก เพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย โดยจะเน้นข้อมูลไปที่ตัวสินค้าและบริการเป็นหลัก

สำหรับการเลือกใช้กลยุทธ์การทำ Inbound และ Outbound Marketing ให้เหมาะสม ต้องคำนึงกลุ่มเป้าหมาย ช่องทางที่จะสื่อสาร ระยะเวลา เนื้อหาของคอนเทนต์ รวมไปถึงงบประมาณการตลาดที่มี เพื่อให้ธุรกิจสามารถประสบความสำเร็จในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด

ที่ 1st Craft เรามีบริการ Digital Crafter ที่ช่วยวางแผนและเลือกกลยุทธ์การตลาดสำหรับการทำ Inbound และ Outbound Marketing ให้เหมาะสมกับแต่ละธุรกิจ พร้อมพาธุรกิจของคุณเติบโตด้วยการตลาดได้อย่างยั่งยืน ติดต่อเราเพื่อขอรับคำปรึกษาฟรี << ที่นี่ ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ