Inbound vs Outbound Marketing ต่างก็เป็นกลยุทธ์การตลาดที่สำคัญในยุคนี้ โดยถ้าคุณได้ทำความเข้าใจถึงความหมาย ความแตกต่างและการใช้งานของการตลาดทั้ง 2 แบบนี้ จะช่วยให้สามารถเลือกกลยุทธ์การตลาดที่มีประโยชน์ไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจได้
สำหรับธุรกิจที่กำลังมองหากลยุทธ์ในการทำการตลาด มาดูกันว่า Inbound vs Outbound Marketing ต่างกันอย่างไร? จะเลือกใช้แบบไหนดีให้เหมาะกับธุรกิจ และธุรกิจแบบไหนบ้างที่เหมาะจะนำกลยุทธ์เหล่านี้ไปใช้งาน
Inbound และ Outbound Marketing คืออะไร? ต่างกันอย่างไรบ้าง?
Inbound Marketing (การตลาดแบบดึงดูด) คือ รูปแบบการตลาดที่ไม่ล่วงล้ำต่อกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้า แต่จะเน้นไปที่การช่วยแก้ไขปัญหาหรือช่วยในการตัดสินใจ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจให้กับกลุ่มเป้าหมาย ผ่านการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่าลงบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เช่น บทความ, วิดิโอ, พอดแคสต์, social media เป็นต้น
การทำ Inbound Marketing จะให้ความสำคัญกับการสื่อสาร ผ่านการทำคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ และมีเนื้อหาที่ตอบความสงสัยของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด โดยเมื่อกลุ่มเป้าหมายเสิร์ชคำค้นหาด้วย Keywords ที่เกี่ยวข้องกับคอนเทนต์หรือเนื้อหานั้นๆ บน Google, YouTube หรือ Social Media ก็จะสามารถดึงให้เข้ามาอ่านหรือดูเนื้อหาบนช่องทางออนไลน์ของธุรกิจได้
เช่น ธุรกิจของคุณมีสินค้าเกี่ยวกับเครื่องกรองน้ำ ก็สามารถเขียนบทความที่เกี่ยวข้องกับ “การเลือกใช้เครื่องกรองน้ำที่เหมาะสม” ลงบนเว็บไซต์ และหากบทความนี้มีการทำ SEO ร่วมด้วยก็จะช่วยให้ติดหน้าแรกของการค้นหาได้ง่ายยิ่งขึ้น
ซึ่งถ้ากลุ่มเป้าหมายเจอกับคอนเทนต์ของธุรกิจก่อน ก็จะช่วยให้เห็นว่าธุรกิจของคุณมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้จริงๆ ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าหรือบริการของคุณนั่นเอง
Outbound Marketing (การตลาดแบบผลัก) คือ รูปแบบการตลาดแบบดั้งเดิม ที่ใช้การซื้อพื้นที่โฆษณาในช่องทางต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มคนได้มากที่สุด เช่น Social Media Ads, Native Ads, สื่อสิ่งพิมพ์, สื่อนอกบ้าน (Out-of-Home) เป็นต้น
การทำ Outbound Marketing จะให้ความสำคัญไปกับการสื่อสารไปยังผู้คนกลุ่มใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายหรือไม่ โดยมีแนวคิดหลักคือ ยิ่งสื่อสารไปยังกลุ่มคนจำนวนมากเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากยอดขายที่มากตามมาด้วย
เช่น ธุรกิจขายเฟอร์นิเจอร์ ต้องการขายโซฟารุ่นใหม่ ก็ใช้การซื้อพื้นที่โฆษณาบนสื่อนอกบ้านหลายๆ สถานที่ทั้ง ป้ายบิลบอร์ด การจัดแสดงสินค้า สื่อดิจิทัลในศูนย์การค้า ป้ายโฆษณาบนสถานีรถไฟฟ้า เพื่อให้การโฆษณาขายสินค้า ได้ผ่านตากลุ่มคนมากที่สุด
ซึ่งถ้าเลือกโฆษณาได้ถูกจังหวะเวลา ในพื้นที่ที่มีกลุ่มเป้าหมายจำนวนมาก ก็จะช่วยสร้างการรับรู้ในสินค้าที่รวดเร็ว และนำไปสู่ยอดขายจำนวนมาก
Inbound vs Outbound Marketing ต่างกันอย่างไร?
จะเลือกใช้แบบไหนดี? ระหว่าง Inbound vs Outbound Marketing
สำหรับธุรกิจที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเลือกใช้การตลาดแบบไหนดีระหว่าง Inbound หรือ Outbound Marketing ก็ต้องบอกว่าทั้ง 2 อย่างล้วนมีข้อดีและจุดเด่นในการใช้งานที่แตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันนั่นคือ การเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจของคุณได้เป็นที่รู้จัก และช่วยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจได้มากขึ้น
สำหรับธุรกิจที่ต้องการประสบความสำเร็จในการตลาดทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การเลือกใช้งานเทคนิคทั้ง Inbound และ Outbound Marketing ร่วมกันในการทำการตลาด จะทำให้ธุรกิจของคุณมีโอกาสเติบโตและประสบความสำเร็จได้ หากเลือกใช้งานเทคนิคที่เหมาะสมกับช่วงเวลา กลุ่มเป้าหมาย ช่องทาง และงบประมาณ
การผสมเทคนิคของการทำ Inbound และ Outbound Marketing
1. เลือกคอนเทนต์ไปโปรโมทในเว็บไซต์อื่น
โดยการเลือกเอาคอนเทนต์ที่อยู่ในเว็บไซต์ เช่น บทความ วิดิโอ eBook ไปโปรโมทในเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงและมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจ ด้วยการซื้อพื้นที่โฆษณาในส่วนท้ายบทความ ใน section ของบทความที่เกี่ยวข้อง จะช่วยดึง traffic เข้าสู่เว็บไซต์ของคุณได้ดียิ่งขึ้น
2. การใช้งาน pay-per-click (PPC) เพื่อโฆษณาแคมเปญของ Inbound
สำหรับแคมเปญของการทำ Inbound ด้วยการสร้าง Landing Page เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายคลิกเข้ามามีปฏิสัมพันธ์บนหน้าเว็บ โดยอาจจะเป็นการเข้ามากรอกข้อมูล จองสินค้า การรับข้อเสนอสุดพิเศษ สามารถใช้งาน pay-per-click (PPC) เพื่อให้แคมเปญนี้ส่งถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น ซึ่ง PPC มีให้เลือกอยู่ 2 แบบ คือ บน Google Ads ให้บทความสามารถแสดงขึ้นหน้าแรกของการค้นหาได้ทันที และการยิงโฆษณาบน Social Media อย่าง Facebook, IG, TikTok, YouTube และอื่นๆ
3. การใช้งานการตลาดด้วยอีเมลอัตโนมัติ (Email Marketing Automation)
การตลาดด้วยอีเมลอัตโนมัติ คือ การสร้างแคมเปญการส่งอีเมล ให้ทำการส่งแบบอัตโนมัติตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ เช่น วางแผนระบบเอาไว้ว่าจะส่งอีเมลให้ใครบ้าง ส่งเนื้อหาแบบไหน คนที่เปิดอีเมลแล้วจะต้องทำอะไรต่อ หรือคนที่ยังไม่ได้เปิดอีเมลจะต้องได้รับอีเมลแบบไหนต่อ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการตลาดที่ตั้งเอาไว้
4. นำระบบ CRM (Customer Relationship Management) มาใช้งาน
การนำครื่องมือการตลาดแบบอัตโนมัติหรือ Marketing Automation มาใช้จัดการการตลาด จะช่วยให้คุณสามารถจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) ได้ดียิ่งขึ้น โดยระบบจะนำเอาข้อมูลของลูกค้าและข้อมูลเชิงลึกของลูกค้ากับสินค้าของธุรกิจ มารวมรวบและวิเคราะห์ ช่วยให้สามารถปรับแต่งและปรับปรุงประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของธุรกิจ ทั้งแบบรายบุคคล รายกลุ่ม ได้อย่างง่ายดาย
นอกจากระบบ CRM จะช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจกับลูกค้าเก่า มีความเหนียวแน่นแล้ว ระบบนี้ยังนำมาพัฒนากับการทำแคมเปญทั้ง Inbound และ Outbound Marketing เพื่อให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ได้อีกด้วย
Inbound vs Outbound Marketing เหมาะกับธุรกิจประเภทใดบ้าง?
การตลาดทั้งแบบดึงดูด (Inbound) และแบบผลัก (Outbound) เหมาะกับทุกธุรกิจที่อยากประสบความสำเร็จในเป้าหมายการตลาด ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ตั้งแต่การสร้างการรับรู้ให้กับธุรกิจ การขายสินค้าหรือบริการ ไปจนถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีทั้งกับลูกค้าเก่าและใหม่
โดยการเลือกใช้งานร่วมกันทั้ง Inbound และ Outbound Marketing ก็จะช่วยส่งเสริมให้แคมเปญการตลาดที่ธุรกิจต้องการสื่อสาร สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงใจ ตรงเวลา และตรงความต้องการ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ทางการตลาดที่ดีมากที่สุด
สรุปการทำ Inbound vs Outbound Marketing และการเลือกให้เหมาะกับธุรกิจ
Inbound Marketing คือ การตลาดแบบดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่ดีที่สุดให้เข้ามาหาธุรกิจ ผ่านการสื่อสารบนเว็บไซต์ด้วยเนื้อหาที่เกี่ยวกับ การให้ข้อมูล การตอบปัญหา การให้ความรู้ และการแนะนำวิธีการต่างๆ
Outbound Marketing คือ การตลาดแบบผลักการสื่อสารออกไปสู่กลุ่มคนจำนวนมาก เพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย โดยจะเน้นข้อมูลไปที่ตัวสินค้าและบริการเป็นหลัก
สำหรับการเลือกใช้กลยุทธ์การทำ Inbound และ Outbound Marketing ให้เหมาะสม ต้องคำนึงกลุ่มเป้าหมาย ช่องทางที่จะสื่อสาร ระยะเวลา เนื้อหาของคอนเทนต์ รวมไปถึงงบประมาณการตลาดที่มี เพื่อให้ธุรกิจสามารถประสบความสำเร็จในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด
ที่ 1st Craft เรามีบริการ Digital Crafter ที่ช่วยวางแผนและเลือกกลยุทธ์การตลาดสำหรับการทำ Inbound และ Outbound Marketing ให้เหมาะสมกับแต่ละธุรกิจ พร้อมพาธุรกิจของคุณเติบโตด้วยการตลาดได้อย่างยั่งยืน ติดต่อเราเพื่อขอรับคำปรึกษาฟรี << ที่นี่ ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ